ปัญหาการนอนหลับที่พบในผู้ป่วยโรคสมอง (รวมภาค)
สุขภาพการนอนที่ดี มีผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่มีโรคสมองเสื่อม ญาติผู้ป่วยหลายท่านมาปรึกษาหมอว่า…
“ผู้ป่วยหลับตอนกลางวันบ่อย เป็นอะไรมั้ย?”
“บางครั้งนั่งทานข้าวอยู่ ก็หลับคาจานอาหาร!!”
โดยหลายท่านไม่รู้ว่าผู้ป่วยมีปัญหาการนอนหลับ ช่วงกลางคืน หรือแม้รู้ว่ามีปัญหาการนอน นอนไม่หลับ หลับไม่ยาว มีตื่นบ่อยๆ มีอาการโวยวายสับสนตอนนอน ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร
วันนี้หมอจะมาสรุปปัญหา พร้อมแนะนำเคล็ด(ไม่)ลับ ในการแก้ไขปัญหาการนอนหลับ สำหรับผู้ป่วยโรคสมองและผู้สูงอายุที่มีโรคสมองเสื่อมให้นำไปใช้ง่ายๆกันค่ะ
เลือกอ่าน…
- แนะนำปัญหาการนอนหลับในผู้ป่วยโรคสมอง
- ความสำคัญของการนอนหลับ หลับได้ดี ดีอย่างไร
- ปัญหาการนอนหลับในผู้ป่วยโรคสมอง โดยทั่วไปมีกี่แบบ
- สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของปัญหาการนอนหลับ ในผู้ป่วยโรคสมอง
- ผลกระทบของปัญหาการนอนหลับ ต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ดูแล
- วิธีการวินิจฉัยด้วยตนเองที่บ้านอย่างง่าย ว่าผู้ป่วยมีปัญหาการนอนหลับหรือไม่
- แนวทางการรักษาปัญหาการนอนหลับในผู้ป่วยโรคสมอง
- แนวทางการป้องกันและดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนหลับ
แนะนำปัญหาการนอนหลับในผู้ป่วยโรคสมอง
ปัญหาการนอนหลับเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่มีโรคสมอง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะโรคสมองเสื่อม
ปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ มีทั้งในด้านคุณภาพและด้านปริมาณ บางคนหลับเยอะ หลับบ่อยๆ เเต่หลับไม่ดี บางคนนอนไม่หลับ สับสนตอนกลางคืน
ปัญหาที่มักจะพบได้บ่อย ได้แก่
- การนอนหลับยาก
- ตื่นกลางคืนบ่อยครั้ง
- ง่วงซึมและนอนหลับมากในช่วงกลางวัน
- รวมถึงความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมในระหว่างนอนหลับ เช่น นอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ, นอนละเมอ, แขนขากระตุกขณะนอนหลับ และกลุ่มอาการอารมณ์แปรปรวนหลังพระอาทิตย์ตก
ความสำคัญของการนอนหลับ
หลับได้ดี ดีอย่างไร ?
นอนไม่หลับ นอนไม่ดี แม้ดูเป็นปัญหาเล็กน้อย เเต่ส่งผลต่อสุขภาพของตัวผู้ป่วยเอง ส่งผลต่อการดำเนินโรคประจำตัวให้แย่ลง ภูมิคุ้มกันโรคลดลง รวมไปถึงส่งผลต่อญาติผู้ดูแลผู้ป่วย ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
เพราะสุขภาพการนอนที่ดีในผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่สำคัญ
- การนอนเป็นกิจกรรมที่สำคัญต่อสุขภาพและความสมดุลของร่างกายและจิตใจ การนอนหลับที่ดีจะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนและฟื้นฟูพลัง ช่วยให้สมองได้ประมวลผลข้อมูลและความทรงจำที่ได้รับในวันนั้น
- ช่วงเวลานอน เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการซ่อมแซมเซลล์และฟื้นฟูสภาพร่างกาย มีการทำงานของระบบฮอร์โมน/ระบบภูมิคุ้มกัน
- การนอนหลับไม่เพียงแต่สำคัญต่อสุขภาพกายเท่านั้น อีกทั้งยังส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้สูงอายุด้วย
เมื่อนอนหลับไม่เพียงพอ หรือนอนได้แต่ไม่มีคุณภาพย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงานและเรียนรู้ได้ลดลง
- อีกทั้งผู้ป่วยที่วุ่นวายช่วงกลางคืน อดหลับอดนอน หรือหลับได้แต่ไม่ดี ในระยะยาวนั้นพบว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางกายต่างๆตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวานและโรคซึมเศร้า
การจัดการกับปัญหาเหล่านี้ ต้องใช้ความร่วมมือระหว่างผู้ป่วย, ผู้ดูแล, และบุคลากรทางการแพทย์ อันดับแรกผู้ป่วยแลผู้ดูแลต้องตระหนักถึงปัญหา รู้ว่ามีความสำคัญ รู้ว่าเป็นการนอนไม่ดีเเบบไหน และสาเหตุของแต่ละบุคคลนั้นคืออะไร เพื่อนำไปสู่การรักษาให้ถูกต้องตรงจุดนั่นเอง
ภาวะนอนไม่ดีของผู้สูงอายุ แม้ดูเป็นปัญหาเล็กน้อย เเต่ไม่ควรปล่อยปละละเลย... เนื่องจากในที่สุด ปัญหาดังกล่าว อาจนำไปสู่ความเหน็ดเหนื่อย Burn out ของผู้ดูแลโดยไม่รู้ตัว
- เมื่อผู้ดูแลต้องตื่นมาดูแลผู้ป่วยตอนกลางคืน ทำให้ไม่สามารถพักผ่อนได้เพียงพอ ต้องตื่นตามผู้ป่วยที่นอนไม่หลับตอนกลางคืน เช้ามาจึงมักมีอารมณ์หงุดหงิด และไม่พร้อมในการช่วยดูแลผู้ป่วนตอนกลางวัน
- ความเหนื่อยที่สะสมต่อเนื่องนี้เอง จะบั่นทอนความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และไม่มีใครอยากทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย เพราะไม่ได้พักทั้งกลางวันและกลางคืน
- และท้ายที่สุด ปัญหาเล็กๆนี้ย่อมเร่งนำไปสู่การส่งผู้สูงอายุเข้าพักในสถานบริบาล (nursing home) ในเวลาต่อมาได้
ปัญหาการนอนหลับในผู้ป่วยโรคสมอง มีกี่แบบ
ปัญหาการนอนหลับที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่มีโรคสมอง/ ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม อ้างอิงจาก The International Classification of Sleep Disorder (ICSD-3) แบ่งเป็น 6 ประเภท ได้แก่
- ปัญหาการนอนไม่หลับ ได้แก่
- การนอนหลับยาก: คือการใช้เวลานานกว่า 30 นาทีหลังจากหลับตานอน สังเกตได้จากผู้ป่วยจะพลิกตัวไปมา หลับตาแต่สมองยังไม่หลับ
- การตื่นกลางคืนบ่อยครั้ง: คือการตื่นขึ้นมากกว่า 3 ครั้งในรอบหนึ่งคืน
- ความผิดปกติของการหายใจที่เกี่ยวกับการนอนหลับ ได้แก่
- อาการนอนกรน
- การหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งทำให้การหลับไม่ต่อเนื่อง มีสะดุ้งตื่น ส่งผลให้เหนื่อยเพลียตอนเช้าตื่นนอน ช่วงกลางวันตามมา
- การง่วงและนอนหลับมากในช่วงกลางวัน: คือการรู้สึกเหนื่อยล้าและไม่กระตือรือร้นในช่วงเช้า และการผลอยหลับได้ง่ายในช่วงบ่าย โดยในผู้สูงอายุมักเป็น การนอนหลับมากผิดปกตแบบทุติยภูมิ (secondary hypersomnia) ที่มีสาเหตุจากปัญหาสุขภาพอื่นหรือ จากการนอนหลับไม่เพียงพอในช่วงกลางคืน
- ความผิดปกติของวงจรการนอนหลับ เป็นการเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลาการหลับตื่น ภาวะนี้มักจะพบได้ในผู้สูงอายุ โดยมีลักษณะการนอนที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้สูงอายุจะเข้านอนเร็ว และตื่นเช้าขึ้นกว่าเมื่อสมัยหนุ่มสาว
- ความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมในระหว่างนอนหลับ ได้แก่
- การละเมอพูดขณะหลับ
- การเดินขณะหลับ
- การปัสสาวะขณะหลับ
- การฝันร้าย
- การเคลื่อนไหวผิดปกติ ระหว่างนอนหลับ ได้แก่ แขน ขากระตุกขณะหลับ
การสังเกตว่าญาติ หรือผู้ป่วยที่เราดูแล มีปัญหาการนอนหลับแบบไหน?
นับเป็นตัวช่วยอย่างยิ่งที่จะทำให้สามารถสื่อสารกับคุณหมอประจำตัวของผู้ป่วยได้ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและตรงจุดมากขึ้น
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของปัญหาการนอนหลับในผู้ป่วยโรคสมอง
ปัญหาการนอนหลับที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุที่มีโรคสมองเสื่อม เป็นผลจากหลายปัจจัย ได้แก่
- การเสื่อมของระบบประสาทส่วนที่ควบคุมการตื่นและการหลับ ทำให้ หลับ-ตื่นไม่เป็นเวลา รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาท เช่น เสื่อมของสารสื่อประสาทโดปามีน (dopamine) ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเคลื่อนไหว, เสื่อมของสารสื่อประสาทเซโรโทนิน (serotonin) ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการตื่น-หลับ
- การเปลี่ยนแปลงของนาฬิการ่างกาย (circadian rhythm) ที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถปรับตัวกับเวลากลางวันและกลางคืนได้
- การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น การเคลื่อนไหวน้อยลง, การไม่มีกิจกรรมที่กระตุ้นจิตใจ, การไม่มีการสังสรรค์กับผู้อื่น ทำให้ความตื่นตัวของร่างกายลดลง ส่งผลให้หลับเยอะขึ้นได้
- การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่น การอยู่ในห้องเงียบปิดตลอดเวลา ไม่มีเสียงธรรมชาติ, ไม่ได้รับแสงธรรมชาติ ที่ช่วยกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัว เป็นต้น
- การใช้ยาบางชนิดที่มีผลกระทบต่อการนอนหลับ ยาที่ส่งผลต่อระบบประสาทกลาง เช่น ยากระตุ้นประสาท (stimulants) ยากล่อมประสาท (sedatives) และยาปรับระบบฮอร์โมนหลายชนิด (hormonal therapy)
- การมีโรคร่วม เช่น
- โรคซึมเศร้า (depression) ความคิดวิตกกังวลทำให้หลับยาก และรักษาระยะเวลาการนอนหลับให้ยาวได้ไม่ดี
- โรคกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease) ทำให้จุกเสียดที่หน้าอก นอนไม่สบาย นอนไม่หลับ
- โรคเบาหวาน (diabetes) ทำให้ต้องตื่นมาปัสสาวะบ่อย กลับไปก็นอนหลับต่อยาก
- โรคกระดูกพรุน (osteoarthritis) ส่งผลให้เกิดอาการปวดตอนนอน และนอนไม่หลับ
- การมีปัญหาร่างกาย เช่น เจ็บปวด (pain) เกร็งกล้ามเนื้อ (muscle spasm) เป็นต้น
- การมีปัญหาระดับจิตใจ เช่น เครียด (stress) เกรียด (anxiety) เบื่อ (boredom) และกังวล (worry)
จะเห็นว่าสาเหตุที่หมอพูดมา หลากหลายมาก ดังนั้นการปรับเปลี่ยนการนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่นอนไม่หลับ ต้องการให้หลับได้ยาว นาน ดีขึ้น หรือ จะเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่หลับเยอะและต้องการให้ตื่นตัวตอนกลางวัน สามารถเข้าร่วมกิจกรรม ออกกำลังกาย กายภาพบำบัดได้มากขึ้น
อันดับแรก จะต้องทราบสาเหตุที่ทำให้สุขภาพการนอนของแต่ละบุคคลนั้นไม่ดีเสียก่อน จึงจะนำไปสู่การวินิจฉัย และรักษาที่ถูกต้องได้
ผลกระทบของปัญหาการนอนหลับ ต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ดูแล
ปัญหาการนอนหลับที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อตัวผู้ป่วยเอง แต่ยังส่งผลต่อผู้ดูแล
ปัญหาการนอนหลับต่อตัวผู้ป่วย
- เสียสุขภาพร่างกาย: เช่น เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน
- เสียสุขภาพจิต: เช่น เป็นซึมเศร้า, เครียด, วิตกกังวลง่าย
- เสียคุณภาพชีวิต: เช่น ไม่มีความสุข, ไม่มีความพึงพอใจ, ไม่มีความหวังในการรักษา หดหู่
- เสียความจำ: เช่น ไม่สามารถฝึกกกายภาพได้, ไม่สามารถจำได้, ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ กลายเป็นผู้สูงอายุที่หลงลืมง่าย เพราะความจำระยะสั้นไม่ดี ชอบถามบ่อยๆ พูดซ้ำๆ เป็นต้น
- เสียการทำกิจกรรมประจำวัน: เช่น ไม่สามารถดูแลตัวเอง เพิ่มภาระให้ญาติต้องดูแลตลอด 24ชั่วโมง เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง บั่นทอนความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว
ปัญหาการนอนหลับต่อตัวผู้ดูแล
ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยอัมพฤกต์ อัมพาต ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เป็นกลุ่มที่มีความเครียดสูง และมีโอกาสเกิดปัญหาการนอนหลับได้มากกว่าคนทั่วไป เพราะต้องเผชิญกับความกังวล เครียด เหงา และเหนื่อยล้าจากการดูแลผู้ป่วย
ปัญหาการนอนหลับไม่ดี จะส่งผลต่อตัวผู้ดูแลผู้ป่วยในหลายด้าน
- เสียสุขภาพร่างกาย: เช่น ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีพลัง เพิ่มความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากการทำงาน รวมไปถึงพบว่าญาติผู้ดูแล รับผิดชอบในการดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่ป่วย พบความเสี่ยงที่สูงขึ้นของการเกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงกว่าบุคคลทั่วไปด้วยภาวะเครียด และขาดการออกกำลังกาย
- เสียสุขภาพจิต: เช่น เกิดโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล
- เสียความสามารถด้านความจำ: เช่น ทำให้สมาธิและความจำแย่ลง
ดังนั้น ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วย นอกจากจะใส่ใจในการดูแลผู้ป่วยเองแล้วนั้น ควรใส่ใจถึงการจัดการปัญหาการนอนหลับไม่ดีของตัวผู้ดูแลเองด้วย
การแบ่งระยะเวลาการดูแลญาติที่ป่วย สลับกับผู้ดูแลท่านอื่น หาเวลาว่างส่วนตัว เช่น 1 วันต่อสัปดาห์ที่สามารถใช้เวลาในการดูแลตนเอง ไปชาร์ตพลัง พักผ่อนให้เต็มที่ จะได้ไม่เกิดภาวะเบิร์นเอาท์ในการดูแลคนที่เรารัก และเพื่อให้ได้การพักผ่อนที่เพียงพอและมีคุณภาพอย่างเต็มที่ก่อนกลับมาทำหน้าที่ใหม่
การดูแลผู้ป่วย เป็นหน้าที่ที่มีค่าและเป็นที่น่าชื่นชม แต่ไม่ควรลืมดูแลตัวเองด้วย เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีและสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพนะคะ ^^
วิธีการวินิจฉัยด้วยตนเองที่บ้านอย่างง่าย ว่าผู้ป่วยมีปัญหาการนอนหลับหรือไม่
สุขภาพการนอนที่ดีในผู้สูงอายุ นอนเท่าไรถึงพอดี?
การนอนหลับให้เพียงพอสำหรับผู้สูงอายุหมายความว่าต้องมีเวลานอนเพียงพอที่สามารถให้ร่างกายและจิตใจพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
- ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุควรนอนประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
- อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการนอนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกัน เนื่องจากบางคนอาจต้องการเวลานอนน้อยกว่าหรือมากกว่านี้ตามสภาพร่างกายและรูปแบบชีวิตของตนเอง
ข้อมูลที่สำคัญที่สามารถนำมาประเมินคุณภาพการนอนหลับอย่างละเอียดได้
- ระยะเวลาตั้งแต่เข้านอน จนกระทั่งหลับ (sleep latency)
- จำนวนครั้งที่ตื่นกลางดึก (number of awakening)
- ระยะเวลารวมที่ตื่นกลางดึก (wake after sleep onset)
- ระยะเวลานอนหลับรวม (total sleep time)
- ประสิทธิภาพการนอนหลับ (sleep efficiency)
- จำนวนครั้งที่นอนหลับกลางวัน (nap frequency)
- ระยะเวลารวมที่นอนหลับกลางวัน (nap duration)
ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับมักจะสอบถาม เพื่อนำไปใช้วินิจฉัยปัญหาให้ตรงจุดว่า สาเหตุที่นอนหลับไม่ดี เกิดจากอะไร
อย่างไรก็ตาม มีแบบทดสอบที่ญาติสามารถประเมินปัญหาได้เบื้องต้น ทั้งของตัวผู้ป่วย หรือตัวญาติผู้ดูแลเองว่ากำลังประสบปัญหาการนอนไม่ดีหรือไม่
วันนี้เรามาวัดระดับปัญหา “นอนไม่หลับ” กันเถอะ ! มาเริ่มกันเลย !
ถ้าใครกำลังมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ แบบทดสอบนี้จะช่วยให้เรารู้ได้ว่า ตัวเราหรือญาตืที่เรารักมีอาการนอนไม่หลับรุนแรงเพียงใด และ อ่านต่อเกี่ยวกับ คำแนะนำในการปรับปรุงการนอนให้ดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวทางการรักษาปัญหาการนอนหลับในผู้ป่วยโรคสมอง
การนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคสมอง
ผู้ป่วยโรคสมองอาจมีปัญหาการนอนหลับหลังจากเจ็บป่วย ซึ่งเกิดได้จากสาเหตุต่าง ๆ เช่น อาการเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสมองเอง รวมไปถึงยาที่รับประทาน ส่งผลให้รูปแบบการนอนหลับนั้นเปลี่ยนไป การรักษาปัญหาการนอนหลับในผู้ป่วยโรคสมองจึงต้องพิจารณาถึงสาเหตุ ผลกระทบ และวิธีการรักษาที่เหมาะสม
ในบทความนี้ หมอขอจะแนะนำแนวทางการรักษาปัญหาการนอนหลับในผู้ป่วยโรคสมอง โดยจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม
บางทีการแก้ปัญหาการนอนไม่หลับ อาจไม่ได้ต้องใช้ยา เพียงแต่ปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม ยกตัวอย่างการปรับพฤติกรรม เช่น
- พยายามจัดเวลาเข้านอนและตื่นนอนให้ประมาณเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อสร้างความเคยชินของร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการงีบหลับในช่วงวัน
- ปรับกิจกรรมช่วงใกล้เวลาเข้านอนเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ โดยการฟังเพลง เล่นเกม เขียนบันทึกประจำวัน หรือทำสมาธิ
- ปรับเวลารับประทานอาหารและเวลาพักผ่อนให้เหมาะสม ไม่ควรกินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่กระตุ้น เช่น ช็อกโกแลต ชา กาแฟ ใกล้เวลาเข้านอน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- แต่ไม่ควรออกกำลังกายใกล้เวลานอนมาก เพราะจะทำให้ร่างกายและสมองตื่นตัวช่วงเย็น-กลางคืนมากเกินไป และจะทำให้นอนไม่หลับได้
- หลีกเลี่ยงการขบคิดปัญหาต่างๆ ช่วงก่อนเข้านอน
- ใช้เตียงนอนสำหรับการนอนหลับเท่านั้น ถ้าไม่สามารถนอนหลับได้ ให้ลุกออกจากเตียงและทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายที่โต๊ะ หรือที่โซฟาแทน ไม่ควรทำกิจกรรมอื่น เช่นเล่นโทรศัพท์มือถือ อ่านหนังสือที่เตียงนอน
- สร้างบรรยากาศ จัดห้องนอนให้เหมาะสมกับการนอน เงียบ สบาย ไม่มีแสงรบกวน โดยลองปิดไฟ ลดเสียงดัง ปิดทีวี คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์
ถ้าปรับพฤติกรรมแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจสอบสาเหตุของปัญหาการนอนหลับไม่ดี แพทย์อาจแนะนำการใช้ยารักษาระยะสั้นๆ
อย่างไรก็ตามควรพบแพทย์เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมก่อน
ไม่ควรซื้อยานอนหลับทานเอง โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจส่งผลต่อการติดยานอนหลับและส่งผลเสียต่อสมองในระยะยาวได้
การใช้ยา
- ส่วนนี้แนะนำปรึกษาแพทย์ประจำตัว หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง หรือ การนอนหลับเพื่อประเมินความจำเป็นเพิ่มเติมก่อนเริ่มยานะคะ
การบำบัดการนอน
- Relaxation therapy (การบำบัดด้วยการผ่อนคลาย): เป็นกิจกรรมที่พยายามทำให้รู้สึกผ่อนคลายลง รวมถึงการพยายามมุ่งเน้นไปที่ความคิดที่ทำให้สบายใจในสถานการณ์ที่สงบ การบำบัดด้วยการผ่อนคลายจะทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
- Cognitive therapy (การบำบัดโดยการประมวลความคิด):
- มีหลายคนที่มีความเชื่อและเจตคติที่ผิดเกี่ยวกับการนอนหลับ บางคนคิดว่าเป็นสิ่งที่ผิดหากนอนหลับน้อยกว่า 8 ชั่วโมง
- Cognitive therapy ใช้กระบวนการของการใช้เหตุผลเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ ซึ่งจะช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น และลดความกังวลในช่วงกลางวันและการตื่นในช่วงกลางคืน
แนวทางการป้องกันและดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนหลับ
เคล็ดลับในการนอนหลับได้ดีที่ควรทำ เช่น กำหนดเวลาการนอนและตื่นที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนนอน ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือทีวีใกล้เวลานอน
สุดท้ายนี้หมอขอนำข้อมูล How to การดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนหลับเองที่บ้าน จากศูนย์นิทราเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มาฝากกันค่ะ
How to การดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนหลับเองที่บ้าน
- ไม่เข้านอนจนกว่าคุณจะรู้สึกง่วงนอนถ้าคุณนอนไม่หลับ ดังนั้นจึงควรทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงสบายๆ หรือ เลือกอ่านนิตยสาร หากิจกรรมที่ผ่อนคลาย แต่ไม่กระตุ้น เพื่อให้คุณไม่รู้สึกกังวลกับการนอนหลับ ที่จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและไม่รบกวนจิตใจ
- ถ้าคุณไม่สามารถหลับได้ภายใน 20 นาทีให้คุณลุกออกจากเตียงนอน หากิจกรรมบางอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ถ้าเป็นไปได้ให้ทำนอกห้องนอน ห้องนอนของคุณควรเป็นที่สำหรับนอนหลับ ไม่ใช่ที่ที่ควรอยู่เมื่อคุณกังวล เมื่อคุณรู้สึกง่วงนอนอีกครั้งจึงจะกลับไปที่เตียงนอน
- ทำกิจกรรมที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายก่อนนอน เช่น รับประทานของว่างเบาๆ หรืออ่านหนังสือเพียงไม่กี่นาที
- ตื่นนอนในเวลาเดิมทุกเช้า ทำให้สม่ำเสมอทั้งในวันที่ทำงานและวันหยุด
- นอนให้เพียงพอ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการงีบช่วงกลางวัน ถ้าคุณงีบหลับ พยายามงีบให้น้อยที่สุด (น้อยกว่า 1 ชั่วโมง)ไม่ควรงีบหลัง 15.00 น.
- รักษาตารางเวลาให้สม่ำเสมอรับประทานอาหาร ยา งานบ้าน และกิจกรรมอื่นๆ ให้ตรงเวลา จะช่วยให้นาฬิกาชีวิตของคุณดำเนินไปอย่างราบเรียบ
- ใช้เตียงนอนสำหรับการนอนหลับเท่านั้น
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาแฟอีนหลังมื้อเที่ยง
- ไม่สูบบุหรี่หรือสารที่มีนิโคตินก่อนเข้านอน
- ไม่ดื่มเบียร์ ไวน์ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลภายใน 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
- ไม่ควรปล่อยให้หิวก่อนนอน แต่ก็ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อใหญ่ใกล้เวลานอน
- หลีกเลียงการออกกำลังกายอย่างหนักภายใน 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับ หรือใช้ยาอย่างระมัดระวัง และไม่ดื่มแอลกอฮอลในขณะที่รับประทานยานอนหลับ
- ใช้เวลาในระหว่างวันเพื่อจัดการกับสิ่งที่ทำให้คุณกังวลปรึกษาในสิ่งที่คุณกังวลกับสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อน แสดงความรู้สึกของคุณโดยการเขียนบันทึก ถ้าความกังวลเป็นปัญหาที่เป็นประจำควรพูดคุยกับนักบำบัด
- ทำห้องนอนของคุณให้เงียบสงบ มืด และอากาศเย็นสบาย วิธีที่ง่ายต่อการจำนี้ คุณควรนึกถึงถ้ำ คล้ายกับค้างคาว เนื่องจากค้างคาวเป็นแชมป์ของการนอนหลับ มันใช้เวลา 16 ชั่วโมงสำหรับการนอนหลับในแต่ละวัน อาจเป็นเพราะมันนอนหลับในที่มืด และเย็น
บทความโดย
หมอมิ้นท์ พญ.วรัชยา วลัยลักษณาภรณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและระบบประสาท
Reference
- Sateia MJ. International classification of sleep disordersThird edition: highlights and modifications. Chest. 2014; 146(5):1387-94.
- Martin J, et al. Circadian rhythms of agitation in institutionalized patients with Alzheimer’s disease. Chronobiol Int. 2000;17(3):405-418.
- Weldemichael DA, Grossberg GT. Circadian rhythm disturbances in patients with Alzheimer’s disease: a review. Int J Alzheimers Dis. 2010:716453.
- Stopa EG, et al. Pathologic evaluation of the human suprachiasmatic nucleus in severe dementia. J Neuropathol Exp Neurol. 1999;58(1):29-39.
- de Oliveira AM, et al. Nonpharmacological Interventions to Reduce Behavioral and Psychological Symptoms of Dementia: A Systematic Review. Biomed Res Int. 2015:218980.
- ศูนย์นิทราเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
- แบบทดสอบจาก Blockdit : หมอสมองประจำบ้าน