แนะนำข้อมูล-การใช้สายยางให้อาหารในผู้ป่วย

การใส่สายยางให้อาหารทางจมูก เป็นตำแหน่งที่นิยมใส่มากที่สุด ใส่ง่าย โดยนิยมใช้ในผู้ป่วยวางแผนการให้อาหารทางสายยางไม่นาน อาจใส่ไว้ในระยะแรกหลังออกจากโรงพยาบาล เพื่อป้องกันปัญหาการสำลัก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีปัญหาการกลืน จากโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น 

การใช้สายยางให้อาหารในผู้ป่วย

สำหรับผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพปัญหาของจมูก เช่น ได้รับการบาดเจ็บ หรือในผู้ป่วยเด็ก และทารก แพทย์อาจแนะนำให้ใส่เป็นสายให้อาหารทางปากไปก่อนชั่วคราว เรียกว่า โอจี ทิ้วบ์ (Orogastric Tube) (OG tube)

และสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องได้รับอาหารทางสายยางเป็นระยะยาว หมอขอแนะนำให้ศึกษาทางเลือกการให้อาหารทางหน้าท้อง เป็นทางเลือกที่แนะนำค่ะ

วันนี้หมอจะมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สายยางให้อาหารในผู้ป่วย เผื่อจดไปใช้กันค่ะ

สายให้อาหาร (Feeding tube)

Feeding tube
  • อธิบายโดยง่ายคือ สายยางยาว ขนาดความยาว 50-60 เซนติเมตร ที่สามารถโค้งงอได้ ใส่เข้าทางรูจมูกผ่านคอลงไปถึงกระเพาะอาหาร มีเทปติดไว้ที่จมูกเพื่อกันเคลื่อนเข้าออก
  • โดยเวลาหาซื้อตามร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ทั่วไป ร้านขายจะถามถึงขนาดสายยาง ว่าขนาดเท่าไหร่ 

** ปัญหาที่พบบ่อย และทำให้ญาติต้องเสียเวลากลับมารพ.หลายๆครั้งพบว่า ญาติผู้ดูแลไม่ทราบว่า สายยางให้อาหารที่ใส่นั้นขนาดเท่าไหร่ ไปหาซื้อ เพื่อเปลี่ยนตามกำหนดไม่ได้ **

ดังนั้น ก่อนรับผู้ป่วยกลับบ้านไป อย่าลืม สอบถามขนาดสายยาง หรือ สี (สายยางแต่ละขนาดมักมีสีประจำ ที่เป็นสากล สามารถบอกสีแทนขนาดได้ค่ะ) ของสายยางให้อาหารก่อนกลับบ้านด้วย 

Q&A: สายยางให้อาหารต้องเปลี่ยนทุกกี่สัปดาห์

ควรเปลี่ยนสาย NG tube และ เปลี่ยนรูจมูก สลับข้างใส่สาย ทุก 2-4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกดทับผนังกั้นจมูก

    ตารางแสดงขนาดของสายยางที่เหมาะสมในแต่ละวัย

    อายุ

    ขนาด 

    ทารกแรกเกิดที่น้ำหนักน้อยกว่าปกติ 

    5-6 Fr

    ทารกแรกเกิด 

    6-8 Fr 

    เด็ก 

    8-12 Fr 

    ผู้ใหญ่ 

    12 Fr  >> สีขาว

    14 Fr  >> สีเขียว

    16 Fr  >> สีเขียวส้ม  

    18 Fr  >> สีแดง

    ขนาดและสีของสายยางให้อาหารที่เหมาะสม

    อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย

     

    บทความโดย

    หมอมิ้นท์ พญ.วรัชยา วลัยลักษณาภรณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและระบบประสาท