การดูแลสายสวนปัสสาวะผู้ป่วย

ผู้ป่วยที่กลับบ้านจากโรงพยาบาลในช่วง 5-7 วันแรกนั้น อาจยังต้องคาสายสวนปัสสาวะกลับบ้านไปก่อน การดูแลความสะอาดบริเวณส่วนล่าง การดูแลสายสวนปัสสาวะเป็นเรื่องใหม่สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ไม่เคยชิน เสมือนอวัยวะหนึ่งในร่างกาย ต้องหมั่นดูแลให้ถูกต้องเพื่อป้องกันภาวะการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้

หมอจึงขอมาแนะนำเป็นข้อๆ ให้อ่านเข้าใจง่ายเกี่ยวกับการดูแลสายสวนปัสสาวะผู้ป่วย ดังนี้  

การดูแลสายสวนปัสสาวะผู้ป่วย

5 ข้อควรระวังในผู้ป่วยที่ใส่สายสวนปัสสาวะ

  • ระมัดระวังการดึงรั้งของสายปัสสาวะ อย่าให้ตึงไป และระวังการนอนทับสาย 
  • ระมัดระวังสายรั้งเเล้วเลื่อนหลุดออกมาเสมอเวลาพลิกตัวหรือตะแคงตัว
  • ถุงปัสสาวะต้องแขวนไว้ระดับต่ำกว่าลำตัวนอน เพื่อไม่ให้น้ำปัสสาวะไหลท้นเข้าร่างกายผู้ป่วย อันจะนำมาซึ่งการติดเชื่้อทางเดินปัสสาวะได้
  • การเปลี่ยนแพมเพิสทุก 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากผู้ป่วยจะคาสายสวนอยุ่แล้ว จึงไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยเท่าปกติ 
  • ควรเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะให้กับผู้ป่วยทุก 2-4 สัปดาห์ โดยสังเกตความขุ่นสกปรกของสาย การรั่วเล็ดของปัสสาวะออกมาเยอะผิดปกติในแพมเพิสที่ใส่รอง หรือตามที่แพทย์ประจำตัวผู้ป่วยให้คำแนะนำ

การดูแลความสะอาด การชะล้างที่ถูกต้อง

  • ล้างมือด้วยน้ำสบู่อ่อน และใส่ถุงมือยางอนามัยที่เปลี่ยนทิ้งทุกครั้งก่อนเริ่มทำหัตถการ
  • เช็ดทำความสะอาดให้ทั่วบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนักด้วยสำลีแผ่น ชุบน้ำพอหมาด เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเท่านั้น ห้ามเช็ดย้อนทางจากด้านหลังมาด้านหน้า เนื่องจากจะนำเชื้อโรคจากทวารหนักเข้าสู่ช่องทางเดินปัสสาวะได้ 
  • อาจใช้น้ำสบู่อ่อนชำระบริเวณดังกล่าวให้สะอาด
  • ล้างน้ำสบู่ออกด้วยน้ำอุ่นสะอาด แล้วอย่าลืมซับด้วยผ้าแห้งอีกครั้งเพื่อป้องกันการอับชื้นและแผลกดทับ
  • ตัดเทปปิดแผลความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร
  • ใช้เทปปิดแผล แปะยึดสายสวนปัสสาวะ ที่วางตำแหน่งออกไปในแนวทะแยง แปะไว้บนต้นขาของผู้ป่วยข้างหนึ่ง ก่อนใส่แพมเพิสใหม่ทับ
  • จัดสายปัสสาวะบนเตียงไม่ให้ดึงรั้งหรือนอนทับ เช็คถุงปัสสาวะที่ห้อยข้างเตียงอีกทีว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม คือไม่สูงเหนือลำตัวผู้ป่วย 
  • นำสำลีที่ใช้แล้วและถุงมือทิ้งใส่ถุงขยะ

สำหรับ การกำจัดกลิ่นฉี่ กลิ่นไม่พึงประสงค์ในการดูแลผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยติดเตียง >> อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

สิ่งที่ต้องระมัดระวังของการใส่สายสวนปัสสาวะ - ข้อสังเกตที่ต้องพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล 

  • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ จากการคาสายสวนปัสสาวะ สิ่งที่สังเกตได้จากบ้าน คือ สีน้ำปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นเหม็นมาก หรือเปลี่ยนสีไปจากปกติคือสีเหลืองใสเป็นสีอื่น

  • อุบัติเหตุการดึงรั้ง สายสวนปัสสาวะหลุดออกมาอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของท่อทางเดินปัสสาวะผู้ป่วยได้ เนื่องจากปลายสายสวนปัสสาวะที่คาอยู่ในกระเพาะปัสสาวะของผู้ป่วยนั้น จะมีลูกโป่งใส่น้ำขนาดเล็ก 1.5-2 เซนติเมตรคาไว้อยู่ เพื่อทำหน้าที่ ยึดสายไว้ในตัวผู้ป่วย ป้องกันการเลื่อนหลุดออกมาเวลาขยับ 

  • ภาวะปัสสาวะไม่ออก ในระยะเวลาที่เกินกว่าภาวะปกติของผู้ป่วยแต่ละราย ควรรีบพาไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการอักเสบของไต/ทางเดิปัสสาวะ/ไตวายเฉียบพลันได้

การเฝ้าระวังเรื่องความสะอาด ทำความสะอาดร่างกายและสิ่งขับถ่ายของผู้ป่วยเป็นประจำเป็นสิ่งจำเป็น การดูแลที่ดี จะลดปัญหาการติดเชื้อ การเกิดแผลกดทับ และการต้องเข้านอนโรงพยาบาลด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นของผู้ป่วยคาสายสวนหรือผู้ป่วยติดเตียงได้ การดูแลในระยะเริ่มต้นอาจฟังดูยุ่งยากไปเล็กน้อย แต่หากเริ่มทำไปเรื่อยๆ ฝึกทำไป ย่อมทำให้ถนัดมากขึ้น และส่งผลดีต่อสุขภาพคนที่เรารักอย่างแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม

 

บทความโดย

หมอมิ้นท์ พญ.วรัชยา วลัยลักษณาภรณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและระบบประสาท